Скачать с ютуб 4 หัวจ่ายน้ำเพื่อการเกษตรแบบต่างๆ มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง มาดูกันในคลิปนี้ครับ !! в хорошем качестве

4 หัวจ่ายน้ำเพื่อการเกษตรแบบต่างๆ มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง มาดูกันในคลิปนี้ครับ !!

ติดตามชมไลฟ์สดได้ที่ :   / eakluckyfram   ** 4 หัวจ่ายน้ำเพื่อการเกษตรแบบต่างๆ ** 1.หัวจ่ายน้ำสปริงเกอร์ เหมาะกับพืชที่ปลูกเป็นผืนกว้างเช่นปลูกหญ้า ต้องการ แรงดัน 20 เมตรขึ้นไป จ่ายน้ำมากกว่า 200 ลิตรต่อชั่วโมงขึ้นไป *ข้อดี กระจายน้ำเป็นวงกว้างได้ไกลมากและไม่มีปัญหาเรื่องการอุดตันดูแลง่ายไม่ต้องใช้กรองน้ำก็ได้ *ข้อเสีย สูญเสียน้ำจากการระเหยเพราะว่ากระจายไปตามลมและมีค่าใช้จ่ายสูงและใช้พลังงานมากต้องใช้ท่อขนาดใหญ่และปั๊มขนาดใหญ่ 2. มินิสปริงเกอร์ เหมาะกับพืชที่ปลูกเป็นระยะห่างตั้งแต่ 4 เมตรขึ้นไปที่ปลูกเป็นสวนเป็นไร่ ต้องการแรงดันน้ำที่ 10 เมตรขึ้นไป จ่ายน้ำที่ 35 ลิตรถึง 500 ลิตรต่อชั่วโมง *ข้อดี มีใบหมุนช่วยกระจายน้ำช่วยให้ส่งน้ำไปได้เป็นวงกว้างและไกลขึ้น *ข้อเสีย ถ้าใบหมุนชำรุดก็ใช้งานไม่ได้ต้องใช้เครื่องกรองแบบละเอียดเพื่อให้หัวจ่ายน้ำไม่ทวัยเนื่องจากมีรูขนาดเล็ก 3.หัวน้ำหยด เหมาะกับพืชที่ปลูกเรียงกันเป็นแถวชิดหรือต้นไม้ขนาดเล็ก ต้องการแรงดันอยู่ที่ 5 - 15 เมตรและจ่ายน้ำอยู่ที่ 1-8 ลิตรต่อชั่วโมง *ข้อดี ประหยัดน้ำและใช้พลังงานน้อยที่สุด *ข้อเสีย อุดตันง่ายต้องใช้เครื่องกรองละเอียดมากและต้องล้างไส้กรองทุกวันการวางบนพื้นดินทำให้ตรวจสอบยากเมื่อพบการอุดตันพืชอาจเกิดความเสียหายได้ 4.micro สเปรย์และเจ็ท ต้องการแรงดัน 10 ถึง 20 เมตรจ่ายน้ำที่ 35 ถึง 220 ลิตรต่อชั่วโมง ไมโครสเปรย์กระจายน้ำแบบเป็นละออง เจ็ท กระจายน้ำเป็นเส้น *ข้อดี เป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวลดปัญหาการสึกหรอและใช้งานได้นาน *ข้อเสีย สูญเสียน้ำจากการกระจายไปตามลมต้องใช้เครื่องกรองค่อนข้างละเอียดมากและล้างไส้กรองทุกวัน