У нас вы можете посмотреть бесплатно “พรรณิการ์” อภิปรายนโยบายต่างประเทศรัฐบาล или скачать в максимальном доступном качестве, которое было загружено на ютуб. Для скачивания выберите вариант из формы ниже:
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса savevideohd.ru
[ “พรรณิการ์” อภิปรายนโยบายต่างประเทศรัฐบาล ถาม พล.อ.ประยุทธ์ ไทยจะมีบทบาทนำในเวทีโลกอย่างไรเมื่อเห็นสิทธิมนุษยชนเป็นแค่เครื่องประดับ ด้านประยุทธ์ลุกตอบ เรียกพรรณิการ์ “คนสวย”-ขอถอนคำพูดภายหลัง แจงเพราะ “ไม่อยากเรียกอีกชื่อนึง” ] พรรณิการ์ วานิช ผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายนโยบายของรัฐบาลพบเอกประยุทธ์ ในเรื่องการสร้างบทบาทไทยในเวทีโลก และการทํตเขิงรุกเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ว่าหลักการและเป้าหมายที่ถูกต้องดังกล่าว ไม่ได้มีรูปธรรมที่ชัดเจนว่าตะไปถึงได้อย่างไร แถมยังไม่เห็นว่ารัฐบาลประยุทธ์มีความจริงใจที่จะทำตามหลักการทูตเพื่อประชาชนหรือไม่ พรรณิการ์กล่าวว่า การที่ไทยจะมีบทบาทนำในเวทีโลกได้ ก่อนอื่นต้องรู้ว่าโลกกำลังคุยเรื่องอะไรกัน เราจะได้คุยกับเขาได้รู้เรื่อง พรรณิการ์ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาเรื่องความสามารถในการพูดภาษาต่างประเทศของพลเอกประยุทธ์ เพราะสามารถใช้ล่ามได้ แต่มีปัญหาว่านายกฯมีวิสัยทัศน์มากพอจะร่วมบทสนทนากับผู้นำโลกในเวทีระหว่างประเทศหรือไม่ และได้ขอให้พลเอกประยุทธ์แสดงวิสัยทัศน์ในประเด็นต่างๆที่โลกกำลังสนทนากันอยู่ เช่น การรับมือการแทนที่แรงงานมนุษย์ด้วย AI ซึ่งจะทำให้คน 800 ล้านคนทั่วโลกต้องตกงานภายใน 12 ปีข้างหน้า การสร้างงานที่ดี ปลดปล่อยศักยภาพมนุษย์ มีค่าจ้างที่เพียงพอต่อการดำรงชีพอย่างมีคุณภาพและศักดิ์ศรี ไม่ใช่แค่ค่าจ้างขั้นต่ำ การรับมือภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การลดใช้พลังงานฟอสซิล ลดใช้พลาสติก พรรณิการ์ยังตั้งคำถามอีกด้วยว่า ประเด็นใหญ่มากของโลกตอนนี้คือการรับมือผู้อพยพลี้ภัย อาเซียนเองก็กำลังต้องรับมือกับปัญหาผู้อพยพลี้ภัยโรฮิงญา ไทยในฐานะประธานอาเซียน จะมีบทบาทนำในเวทีโลกได้อย่างไรในเรื่องนี้ เนื่องจากไทยยังไม่ยอมเป็นภาคีอนุสัญญาสถานภาพผู้ลี้ภัย ปี 2494 ทำให้ผู้จอลี้ภัยในไทยไม่มีสถานะทางกฎหมาย เสี่ยงถูกจับกุมหรือเนรเทศออกนอกประเทศ ที่สำคัญกว่านั้น ไทยจะมีบทบาทในเวทีโลกได้อย่างไรเมื่อนายกฯไม่ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน อันเป็นหลักการสากลที่อารยประเทศยอมรับนับถือ Human Rights Watch องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ออกแถลงการณ์แสดงความผิดหวังที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้พูดถึงปัญหาสิทธิมนุษยชนเลยในแถลงนโยบาย แล้วนายกฯยังกล่าวในสภาว่า “ทุกวันนี้พูดเรื่องสิทธิมนุษยชนกันมากไป” “ดิฉันขอถามว่า อะไรคือการพูดเรื่องสิทธิมนุษยชนมากไป รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 หมวด 3 ว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย และหลักการทั่วไปรัฐธรรมนูญต้องคุ้มครองเสรีภาพของประชาชน การพูดเรื่องสิทธิมนุษยชนมากไปจึงไม่มี การพูดน้อยไปต่างหากจึงเป็นปัญหา เป็นไปได้อย่างไรที่พลเอกประยุทธ์ ในสมัยที่เป็นผู้นำรัฐบาลทหารเต็มรูปแบบ ยกให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 แต่พลเอกประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่รับตำแหน่งหลังเลือกตั้ง กลับไม่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ หรือท่านมองว่าการเลือกตั้งให้ความชอบธรรมกับท่านได้มากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องสร้างความชอบธรรมในสายตานานาชาติด้วยการอ้างเรื่องปกป้องสิทธิมนุษยชนอีกต่อไป สำหรับท่าน สิทธิมนุษยชนเป็นเพียงเสื้อคลุม เป็นเครื่องประดับเพื่อการยอมรับจากในและนอกประเทศ ไม่ได้อยู่ในเลือดในเนื้อ ในหัวใจของท่านใช่หรือไม่” พรรณิการ์ยังถามพลเอกประยุทธ์ว่า การทูตเชิงรุกเพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชน รูปธรรมคืออะไร ตอนนี้ผลประโยชน์ประชาชนที่ต้องการการปกป้องโดยการทูตมากที่สุดคือความเดือดร้อนจากภัยแล้ง ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการจัดการน้ำในแม่น้ำโขง ซึ่งไหลผ่าน 6 ประเทศ จำต้องใช้กลไกระหว่างประเทศมาจัดการแบ่งสรรทรัพยากรให้เป็นธรรม ปัจจุบันกลไกที่ใช้บริหารจัดการแม่น้ำโขงคือ คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง หรือ MRC ซึ่งตั้งมาหลายสิบปี แต่ไม่ได้สามารถปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนอาเซียนในลุ่มน้ำโขงได้ เพราะขาดพลังต่อรองกับมหาอำนาจ หากจะทำการทูตเขิงรุกเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ก็ขอให้เริ่มที่การทำให้ MRC เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพกว่านี้ก่อน พรรณิการ์ทิ้งท้ายถึงประเด็นระดับโลกอีกประเด็นคือการต่อต้านข่าวปลอมในโซเชียลมีเดีย รัฐบาลพลเอกประยุทธ์บรรจุเรื่องนี้ในนโยบายหลายจุด รวมถึงนโยบายเร่งด่วน 12 ประการ แต่การตั้งศูนย์ต้านจ่าวปลอม แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลขาดความรู้ความเข้าใจ หรือความจริงใจในการปราบปรามการบิดเบือนข้อมูลในโซเชียลมีเดีย “ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม หรือกลไกใด ๆในการปราบปรามข่าวปลอมที่เป็นของรัฐบาล ไม่สามารถใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะรัฐบาลเองเป็นหนึ่งในแหล่งข่าว เป็นที่มาใหญ่ของข่าวที่ไหลเวียนในระบบ และเป็นผู้ได้หรือเสียประโยชน์เต็มๆ จากข่าว ผู้บริหารของบริษัท ออกมายืนยันว่างบการเงินของบริษัทตัวเองถูกต้องโปร่งใสไม่ได้ ต้องจ้างผู้สอบบัญชีจากภายนอกมาทำให้ฉันท์ใด รัฐบาลก็จะมาตั้งศูนย์ตรวจสอบเฟคนิวส์เพื่อปิดป้ายว่าข่าวใดปลอมหรือจริงไม่ได้ฉันท์นั้น เพราะมีโอกาสสูงที่รัฐบาลจะใช้ศูนย์นี้เป็นเครื่องมือปิดปากสื่อหรือประชาชนที่วิจารณ์รัฐ โดยอ้างว่าเป็นผู้เผยแพร่ข่าวปลอม ในขณะที่ผู้ปล่อยข่าวปลอมที่เป็นประโยชน์กับรัฐบาลกลับลอยนวลอยู่ได้” พรรณิการ์กล่าวปิดท้ายว่า เธอชอบคนตลก วันนี้นายกฯ ก็ได้แสดงความตลกออกมาหลายครั้ง แต่ประเทศไทยวันนี้เผชิญความท้าทายมากมาย ต้องการมากกว่านายกฯที่เป็นคนตลก เราต้องการนายกฯที่มีวิสัยทัศน์ รอบรู้ นำเกียรติศักดิ์ของไทยในเวทีโลกกลับมาให้ได้