Скачать с ютуб นายก อบต.โคกสะตอ เปิดเผย ถึงกรณี จนท.ยึดรูปภาพเเละธงชาติปาเลสไตน์ในขบวนพาเหรดงานตาดีกา в хорошем качестве

นายก อบต.โคกสะตอ เปิดเผย ถึงกรณี จนท.ยึดรูปภาพเเละธงชาติปาเลสไตน์ในขบวนพาเหรดงานตาดีกา

นายก อบต.โคกสะตอ เปิดเผย ถึงกรณี จนท.ยึดรูปภาพเเละธงชาติปาเลสไตน์ภายในขบวนพาเหรดงานประเพณีสัมพันธ์ ในพื้นที่บ้านโคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับเสียใจ เกิดจากความผิดพลาด วันที่ 10 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ได้ปรากฏภาพคลิปวิดีโอเผยเเพร่ทางโซเชียลมีเดียร์หลากหลายช่องทางโดยที่มีเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้ทำการยึดรูปภาพของอูลามา(ผู้รู้ทางศาสนา) เเละยึดธงชาติปาเลสไตน์ ในขบวนพาเหรด งานประเพณีสัมพันธ์ เหตุเกิดในพื้นที่ บ้านโคกสะตอ ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะจ.นราธิวาส โดยเหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 7 กย.ที่ผ่านมาหลายฝ่ายได้มีความกังวลกับเหตุการณ์นี้อย่างมากได้สร้างความตระหนกตกใจต่อกลุ่มเยาวชน เเละชาวบ้านอย่างมาก ซึ่งกิจกรรมนี้ได้มี ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เดินทางมาเป็นประธานในเปิดพิธี ด้วย ซึ่งก่อนจัดงานนี้ ทุกฝ่ายได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจแล้วแต่ก็ยังมีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นจนได้ ภายหลังจากที่ขบวนพาเหรดได้เสร็จสิ้นลง ได้มีรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหารที่ยึดรูปภาพ และธงชาติก็ได้ส่งคืนกลับไปให้เยาวชนกลุ่มดังกล่าว นายมาหะมะ ลาเต๊ะ นายก อบต.โคกสะตอ เผยวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมนี้เพื่อต้องการให้ประชาชนในพื้นที่ทั้งในส่วนของผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา ผู้สูงอายุ ได้เข้ามีส่วนร่วมกับกิจกรรมภายในชุมชนกับเด็กนักเรียนและเยาวชน แสดงออกถึงความสมัครสมานสามัคคี มีการแต่งกายด้วยชุดที่สวยงามเชิดชูอัตลักษณ์มลายูท้องถิ่น และถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ทำให้ชาวบ้านมีรายได้จากการเปิดร้านค้าขายสินค้าพื้นบ้าน อาหาร และ เครื่องดื่ม ซึ่งเราขอยืนยันว่าไม่มีอะไรแอบแฝงทั้งนั้นนี้คือจุดประสงค์ในการจัดกิจกรรมของผมในครั้งนี้ นางต่วนฮัสนะห์ กูมูดอ นักวิเคราะห์นโยบายและแผย ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีทั้งหมด 21 ริ้วขบวน ซึ่งมาจาก 8 ริ้วขบวนจาก 8 หมู่บ้านในพื้นที่ ต.โคกสะตอ และ 8 ริ้วขบวนจาก 8 ตำบล ของ อ.รือเสาะ ยังมี 5 ริ้วขบวน จาก 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.รือเสาะ อ.ระแงะ อ.บาเจาะ อ.ศรีสาคร และ อ.ยี่งอ ขบวนที่เดินทางมาล่าช้าและเกิดความไม่เรียบร้อยเกี่ยวกับการถือภาพและธงปาเลสไตน์คือขบวนที่มาจาก อ.ยี่งอ ซึ่งในช่วงการประชุมเตรียมการได้เชิญตัวแทนหรือประธานของแต่ละหมู่บ้านเข้าร่วมประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ภายในการประชุมได้มีการกำหนดกรอบของงานเกี่ยวกับการเชิดชูอัตลักษณ์มลายูท้องถิ่นในพื้นที่ และได้ขอความร่วมมือไม่ให้มีการนำเครื่องมือ หรือ สัญลักษณ์ของความรุนแรง อาวุธสงครามเทียม และธงปาเลสไตน์ ซึ่งจะพูดเน้นย้ำอยู่ตลอดในทุกวาระของการประชุม เรายอมรับว่าเราไม่ได้พูดถึงเรื่องการห้ามไม่ให้เดินถือรูปภาพของอูลามา เราไม่ทราบเลยด้วยซ้ว่าภาพเหล่านั้นมาจากไหนจนกระทั้งมีภาพปรากฏออกข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ ด้านนาย อับดุลอาซิซ เจ๊ะมามะ รองประธานคณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เป้าหมายของการจัดงานตาดีกาในพื้นที่เป็นสิ่งที่ดีมาก เป็นการทำกิจกรรมร่วมกันของประชาชน เป็นพื้นที่ในการแสดงออกถึงความสามารถของนักเรียนรวมถึงเยาวชนในแต่ละวัย ซึ่งทุกคนในชุมชมจะแสดงออกให้เห็นถึงความร่วมมือซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะก่อให้เกิดความสมานสามัคคี หลังจากที่มีกระแสดราม่าในโลกโซเชียลเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมตาดีกา ตนเองไม่เห็นด้วยกับการแสดงออกเกี่ยวกับการกระทำดังกล่าวของนักเรียนที่ชูรูปภาพต่างๆ มีการชูธงปาเลสไตน์ ซึ่งตนมองว่าไม่เหมาะสมมันอาจจะสื่อถึงความรุนแรงต่างๆ หลายวันที่ผ่านมาอบจ.นราธิวาสก็จัดงานตาดีกาเช่นเดียวกันก็ไม่มีปรากฏรูปภาพที่สื่อถึงความรุนแรงมีแต่ภาพที่แสดงออกถึงความสวยงาม โดยเฉพาะเมื่อมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาเปิดงานควรให้เคารพกัน ภาพที่แสดงออกถึงความรุนแรงต่างๆเหล่านี้ไม่ควรมีปรากฏ และในเรื่องนี้ทางผู้นำศาสนาในพื้นที่ก็ได้กำชับมาโดยตลอดเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งสร้างความแตกแยกในลักษณะแบบนี้ แต่หากมันเกิดขึ้นแล้วและไปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ถือว่าเป็นความผิดพลาดก็ขอให้มันผ่านไปเราสามารถแก้ไขมันได้ พวกเราทุกคนในพื้นที่ไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีก หากจะยกวัจนะของท่านนบี(ซล.) ได้กล่าวว่า สูเจ้าจงยึดมั่นในเส้นทางของอัลลอฮ อย่าสร้างความแตกแยกในหมู่พวกเจ้า ท่านนบีได้กำชับหนักหนาให้กับบรรดาผู้ศรัทธา ถ้าเราไปสร้างให้เกิดความแตกแยกมันก็จะเกิดความแตกแยก ไม่เป็นผู้กระด้างกระเดื่อง สุดท้ายนี้อยากให้เกิดความสามัคคีในหมู่พี่น้องเรา อะไรที่ผ่านไปก็ให้ผ่านไป ในวันข้างหน้าเราเอาเป้าหมายที่แท้จริงของการจัดงานตาดีกามาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับเยาวชนเรา ซึ่งเยาวชนกำลังอยู่ในวัยที่พวกเราต้องช่วยกันทะนุถนอมพวกเขาที่กำลังจะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เราไม่เห็นด้วยในเรื่องของความรุนแรงซึ่งจะเกิดผลเสียกับเยาวชนของเราในอนาคต