Скачать с ютуб "จ้าวเหว่ย"เจ้าอาณาจักรสามเหลี่ยมทองคำปฏิเสธทุกข้อครหาเอี่ยวทุนจีนสีเทา в хорошем качестве

"จ้าวเหว่ย"เจ้าอาณาจักรสามเหลี่ยมทองคำปฏิเสธทุกข้อครหาเอี่ยวทุนจีนสีเทา

เปิดใจคำต่อคำ “จ้าวเหว่ย-เจ้าอาณาจักรสามเหลี่ยมทองคำ” ฝ่าข้อครหาเอี่ยว 5 เสือมังกรทุนจีนสีเทาในไทย แถมโดนอเมริกาขึ้นบัญชีดำ ชี้เป้าเป็นแหล่งพักยาเสพติด ฟอกเงิน อาวุธสงคราม อาชญากรรม ฯลฯ ลั่นมาไกลเกินกว่าจะยอมให้เป็นพื้นที่สีเทา “สามเหลี่ยมทองคำ” ในอดีตยุค “ขุนส่า” รุ่งเรือง ได้ชื่อเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดระดับโลก ทั้งฝิ่น-เฮโรอีน ถูกส่งกระจายเข้าไทยและผ่านไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก กระทั่งสิ้นยุคขุนส่า กองกำลังชนกลุ่มน้อยในพม่าแยกตัว-เติบโตขึ้นทดแทนหลายกลุ่ม วันนี้..พื้นที่สัมปทานริมฝั่งน้ำโขง สามเหลี่ยมทองคำ กลายเป็น “เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว” ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ยังคงถูกกล่าวหาเป็นแหล่งพักยาเสพติด ฟอกเงิน อาวุธสงคราม และอาชญากรรม ฯลฯ มหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกากล่าวพาดพิงถึงบ่อยครั้งว่า..ที่นี่เป็นแหล่งไม่พึงประสงค์ ขณะที่ สปป.ลาว ก็เคยจับกุมและตรวจยึดยาเสพติดรายใหญ่ๆ ในพื้นที่เมืองต้นผึ้งและเมืองอื่นๆ ในแขวงบ่อแก้วได้หลายครั้ง ล่าสุดนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดังและเจ้าของธุรกิจ ที่ออกมาแฉเครือข่ายกลุ่มทุนจีนสีเทาในไทย โยงใยถึง “จ้าวเหว่ย” ประธานคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ วัย 70 กว่าปีด้วย และล่าสุดเมื่อวานก่อน..“จ้าวเหว่ย” เจ้าอาณาจักรสามเหลี่ยมทองคำ ออกมาเปิดใจถึงหลากหลายข้อกล่าวหาว่า "ตอนเด็กนั้นผมมีชีวิตที่ยากลำบากมาก และวัฒนธรรมจีนหล่อหลอมให้เป็นคนตอบแทนบุญคุณคนและเป็นอย่างนี้ เมื่อได้มาอยู่ สปป.ลาว ก็เร่งพัฒนาโดยมีการปลูกต้นไม้แล้วกว่า 400,000-500,000 ต้น นับตั้งแต่ที่มาอยู่ที่นี่เมื่ออายุได้ 56 ปี จนถึงวันนี้ก็พัฒนาพื้นที่เพื่อให้มีความเจริญและมั่นคง จึงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกพาดพิงอยู่" ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสามเหลี่ยมทองคำกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังตามบุคลิกชาวจีนดั้งเดิมที่ไม่กลัวใคร จ้าวเหว่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นต่อเนื่องอีกว่า ตนเป็นเพียงนักธุรกิจชาวจีนคนหนึ่งที่มีโอกาสเข้ามาพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษใน สปป.ลาว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไทย จึงสงสัยว่าเหตุใดจึงมีการกล่าวอ้างว่าตนเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทาในประเทศไทย โดยเฉพาะโยงตนเข้าไปกับกลุ่ม 5 เสือมังกร ซึ่งตนคิดว่าเรื่องเหล่านี้มันเป็นไปไม่ได้และน่าสงสัยว่ามีนักลงทุนจีนที่ลงทุนไปทั่วโลกมากมายแต่ทำไมจึงต้องพุ่งเป้ามาที่ตน ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสามเหลี่ยมทองคำพยายามถามว่าหากจะมีการพูดพาดพิงถึงตนตามที่ปรากฏเป็นข่าว ก็ขอให้นำหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ทราบได้ออกมาแสดงด้วย เพราะหากพาดพิงถึงกันโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้มันไม่มีความยุติธรรมให้กับตนเลย “จ้าวเหว่ย” ยังกล่าวถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำที่เขานำกลุ่มดอกงิ้วคำ ซึ่งเป็นกลุ่มทุนจีนเข้ามาพัฒนาตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ว่ามันไม่ใช่แดนสนธยาหรือน่ากลัวเหมือนที่บางคนเข้าใจ เพราะทุกวันนี้มีการพัฒนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างหลากหลายและมีความปลอดภัย คนที่เคยมาจะทราบดี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจะรู้ดีว่าพวกเราพร้อมให้การต้อนรับ เมื่อมาถึงก็ได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวจีนและชาวลาว แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ และอาหาร ฯลฯ ส่วนกรณีกาสิโนที่เรียกกันว่าคิงส์โรมันนั้น ที่ผ่านมาถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งหมด และทุกวันนี้ก็มีกลุ่มทุนจากประเทศสิงคโปร์ชื่อ “สกาย” อายุ 49 ปี เข้าไปเช่าบริหารต่อในนาม ALLUXI CASINO แล้ว นายจ้าวเหว่ยย้ำว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำเป็นพื้นที่พัฒนาเพื่อการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ฯลฯ ซึ่งเราพยายามพัฒนาให้ก้าวสู่ระดับโลก โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาล สปป.ลาว และนักลงทุนรู้ดีอยู่แล้วว่าเรามีเป้าหมายอย่างไร ดังนั้นเราจึงมาไกลเกินกว่าที่จะให้เป็นพื้นที่สีเทาและเราจะไม่มัวเสียเวลากับเรื่องที่ไม่จริงดังกล่าวด้วย "ผมจะให้ความจริงเป็นเครื่องพิสูจน์โดยไม่จำเป็นต้องแก้ข่าวใดๆ" ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสามเหลี่ยมทองคำกล่าว จ้าวเหว่ยกล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์พาดพิงว่าเขาไม่เคยรู้จักกับนายชูวิทย์มาก่อน และไม่เคยแม้แต่จะพบปะเจอหน้ากันจึงไม่มีความสนิทสนมกันอย่างแน่นอน จึงสงสัยว่าเหตุใดจึงกล่าวพาดพิงไปถึงเขา และสงสัยจะมีใครอยู่เบื้องหลังด้วยหรือไม่? เช่นเดียวกับการที่สหรัฐอเมริกาได้ขึ้นบัญชีดำ-โยงชื่อเขาไปถึงเรื่องยาเสพติดด้วยว่า..ไม่สนใจเพราะมองว่าเป็นความพยายามจะทำให้คนทั่วโลกเกิดความเข้าใจผิดเท่านั้น ในตอนท้าย “จ้าวเหว่ย” กล่าวอย่างสบายใจต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นว่า "ผมได้ลงไปพบชาวบ้าน แล้วชาวบ้านก็เอาด้ายมาผูกข้อมือให้ผม แล้วพูดอะไรไม่รู้ ผมฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นการขอให้พบเจอกับสิ่งที่ดี" สำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ กลุ่มทุนดอกงิ้วคำ ได้สัมปทานจากรัฐบาล สปป.ลาว ให้เข้าไปพัฒนาเป็นเวลา 99 ปี ซึ่งระยะที่ผ่านมามีการเข้าไปพัฒนาแล้วประมาณ 2,173 เฮกตาร์ หรือ 13,581 ไร่ มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ถนน ไฟฟ้า อาคารพาณิชย์ ท่าเรือ โรงแรม รีสอร์ต สถานบันเทิง กาสิโน ร้านอาหาร ศูนย์การแสดง ตลาดชายแดน ฯลฯ ล่าสุดยังมีโครงการก่อสร้างที่แล้วเสร็จแล้วคือสนามบินสากลบ่อแก้ว ห่างจากศูนย์กลางของเขตเศรษฐกิจพิเศษประมาณ 5 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 300 เฮกตาร์ ใช้งบประมาณ 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตลาดน้ำหรือตลาดฮีตคอง ประเพณี ใช้งบประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯลฯ แต่ว่ากันว่า กลุ่มดอกงิ้วคำยังมีพื้นที่รอบนอกรอพัฒนาต่ออยู่อีกหลายหมื่นไร่ #สืบจากข่าว : รายงาน