У нас вы можете посмотреть бесплатно 670113_พระโสดาบันในชีวิตนี้ เป็นได้ ไม่ไกลเกินคิด โดย พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล или скачать в максимальном доступном качестве, которое было загружено на ютуб. Для скачивания выберите вариант из формы ниже:
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса savevideohd.ru
00:00 670113_พระโสดาบันในชีวิตนี้ เป็นได้ ไม่ไกลเกินคิด โดย พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล 01:34:29 ๑)มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ยังนำเรื่องนี้กลับมาคิดวนไปวนมา และยังนำเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อนร่วมงานท่านอื่นถึงความเหมาะสม ถ้าเราปฏิบัติไปจะสามารถข้ามผ่านจุดนี้ไปได้ไหมครับ เพราะยังเอาเรื่องนี้กลับมาคิด 01:37:29 ๒)กิริยาในการใช้ชีวิตประจำวันมีเสียงคล้ายๆความคิดหลุดออกมา เราเห็น เราได้ยิน แต่เราก็เฉย แล้วก็ผ่านๆไป เราไม่โต้ตอบ แค่รู้เฉยๆ ความคิดนี้ต้องการสื่อสารอะไรกับเราหรือเปล่าครับ 01:38:30 ๓)ปฏิบัติเป็นประจำต่อเนื่องทุกวันอย่างน้อยวันละ 30 นาที บางวันที่จิตยังไม่อยากออกจากสมาธิ ก็นั่งไป ได้ ถึง 50 นาที เริ่มต้นจาก กราบพระ สวดมนต์ ในขณะที่สวดมนต์ขนแขนจะลุกเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจ ก็รู้และกลับมาท่องสวด สมาทานศีลห้า อธิษฐานจิต นั่งสมาธิ ระลึกกถึงครูบาอาจารย์ เวลานั่ง ใช้ “พุทโธ” เป็นอารมณ์ หลงแล้วก็รู้ สมถะแล้วก็รู้ แล้วก็กลับมา เมือนั่งไปซักพักจิตจะเริ่มเบาสบาย ลมหายใจหาย ก็จะมีหลงขึ้นมาอีกครั้ง ก็จะกลับมาใหม่ มีพุทโธเป็นอารมณ์ เหมือนเดิม ก็จะอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ บางครั้ง มีความรู้สึกในตัวเองเหมือนว่ามีอะไรมาผลักหรือผงะ ในบางครั้งก็เห็นจิตช้างในที่ โลภ ที่มีความสุข แล้วก็นั่งไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่า พอแล้ว ก็จะแผ่เมตตา แล้วถอนจากสมาธิ อาการที่ อาการที่ผงะ นี่คือ อะไร แล้ว จะพัฒนาตัวเองต่อไปอย่างไร 01:44:55 ๔)ขอทบทวนที่พระอาจารย์สอนวันนี้ เวลาที่ทำในรูปแบบ ก็คือ ฝึกให้ตนเองได้รู้ตัวบ่อยๆ ถูกต้องใช่ไหมคะ เพราะตอนนี้ในเวลาที่ทำสมถะ จะเห็นเหมือนเป็น ภาพสั้นๆ ที่ปรากฏขึ้นมา และเมื่อ หลง - รู้ แล้วเป็น ขึ้นมา ก็จะกลับมารู้ แล้วก็กลับมาแบบวนคิดใหม่ ฝึกแบบนี้ ให้เห็นเป็นอัตโนมัติ เพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวันถูกต้องไหมคะ 01:49:56 ๕)เรื่องที่สักแต่ว่า รู้ บางอย่างที่ได้ยิน ได้เห็น ไม่ปรุงแต่งต่อ จนทำให้รู้สึกทุกข์ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ที่หนูสักเอาว่าเห็น แต่ว่าไม่ปรุงแต่งต่อ แล้วมันไม่ให้เกิดทุกข์แบบนี้ ให้แบบเป็นสภาวะจิตแบบนี้ ยังทำถูกอยู่ไหมคะ 01:52: 19 ๖)ในระหว่างวันโยมจะดูลมหายใจ ในกรณีที่นั่งอยู่เฉยๆ จะดูกายเคลื่อนไหวเมื่อลุกเดินหรือทำกิจกรรมอะไรไปแล้วก็จะเหลือบดู ใจไปด้วย ส่วนที่ ยังเป็นภาระเป็นปัญหาอยุ่กับชีวิตประจำวันอยู่ตอนนี้ก็คือ โทสะแรง เห็นภาวะไม่พอใจ พวกนี้ บ่อยกว่าตัวอื่นๆมาก คนใกล้ตัวพูดอะไรผิดจะมาไม่พอใจ ส่วนคนข้างนอกพูดอะไรกลับมายอมรับได้ 01:57:15 ๗)ในกรณี ที่ ไม่สบายหนัก มีความทรมาน ทุกข์ทางกายมาก คือ ปวดหัวมากจึงนอนดูลมหายใจค่ะ พอนอนดูลมหายใจไปซักพักนึง รู้สึกว่าอาการปวดหายไป รู้สึกสบายขึ้น สภาวะที่มันเฉยๆ ไม่เดือดไม่ร้อนกับการปวด ตรงนี้ เรียกว่า อะไรคะ 02:08:14 ๘) ผมทำในรูปแบบ คือ หายใจเข้า “พุท” หายใจออก “โธ” นับหนึ่ง ในชีวิตประจำวัน ถ้าจิตไม่ได้ต้องใช้ความคิดอะไร ก็จะสวดมนต์ในใจไป สิ่งที่สังเกตเห็น คือ เห็นสภาวะได้ชัดเจนชึ้น เช่น โทสะ เวลาทำในรูปแบบ เช่นถ้าเวลาหลงไปคิด บางทีรู้ว่าหลง ก็จะดับไปแล้วก็จะกลับมาที่ตัวสมถะใหม่ บางทีรู้ว่าหลงแล้ว เกิดสภาวะ เช่น รู้สึกไม่พอใจ เกิดโทสะ จิตไม่เป็นกลาง รู้สึกว่าอยากจัดการกับมัน ซักพักนึงก็จะคิดได้เองว่า มันเป็นความอยาก เราควบคุมมันไม่ได้ แล้วจึงกลับมาสงบอีกที ก็จะกลับมาทำสมถะใหม่ เรารู้จริงหรือเปล่า 02:13:39 ๙)รายงานสภาวะที่เกิดในช่วง 4 เดือน คือ ในเวลาที่ทำในรูปแบบจะสวดมนต์ในใจไปด้วย เวลาที่ความฟุ้งเด่น บทสวดมนต์ก็จะค่อยๆ เบาลง พอรู้สึกตัว บทสวดมนต์ก็จะเด่นขึ้นมาเป็นแบบนี้สลับกันไป ครั้งหนึ่งนั่งสมาธิอยู่ มีอาการปวดหัวไมเกรนมาก จึงทิ้งคำบริกรรม ไปดูสภาวะคือ อาการปวด นั่ง ดูซักพัก เห็นว่าความปวดค่อยๆ แยกตัว เด่นออกมา จนครบเวลา ปรากฏว่าอาการปวดไมเกรนวันนั้นหายไป แต่หลังจากนั้นก็ทำไม่ได้อีก ส่วนในเรื่องของการเดินจงกรม ในวันหนึ่งเดินแล้วรู้สึกเหมือนมีอีกคนหนึ่งมาเดินด้วย ก็ดูความเคลื่อนไหวของกายไป อยู่ๆ จิตผุดขึ้นมาว่าสภาวะนั้นไม่ได้เห็นจริงหรอก ใจนึกว่าไม่เป็นไร และ เดินต่อไปจนครบเวลา ในชีวิตประจำวัน สภาวะที่เด่น คือ ชับรถออกไปช้างนอก ปรากฏว่ามีเจอปัญหาการจราจรและสามีก็มีความเห็นขึ้นมา ส่วนตัวเห็นสภาวะ ที่แยกออกมาระหว่างกายกับใจ ก็ดูจนสภาวะค่อยๆ ดับไป 02:20:52 ๑๐)เมื่อก่อนใช้คำบริกรรม “พุทโธ” โดย หายใจเข้า “พุท” หายใจออก “โธ” แต่จะแน่นที่หน้าท้อง จึงเปลี่ยนเป็น หายใจออก “พุท” หายใจเข้า “โธ” พอลมหายใจเข้าจะปั่นป่วนนิดนึง มี วูบวาบ พอรู้ก็นั่งต่อไป หายใจก็โล่งปกติเบา ร่างกายก็เบา ทีนี้จะนิ่ง พอนิ่งก็กลับมา พุทโธต่อ และมารู้สึกกาย พอนิ่งอีก เลยออกจาการนั่งสมาธิ เพราะกลัวจะไปเห็นอะไร เช่นเห็นแสงสว่าง จึงอยากขอคำแนะนำจากพระอาจารย์ 02:25:09 ๑๑)สงสัย เรื่อง ปีชง เสริมดวง คือ ช่วงที่ฟัง หลวงปู่ฯ เมื่อสิบกว่าปืที่แล้ว จะยึดมั่นในพระรัตนตรัย ไม่ไหว้รูปเคารพ ไม่มีการเคารพเทวดา คือ ไม่เอาเลย แต่ต่อมาบางครั้งรู้สึกว่าก็อยากมีตัวช่วย อยากผ่อนหนักให้เป็นเบา เจอจังหวะดีดี โอกาสดีดี ก็เลย กลับมา มูเตลูบ้าง ไม่รู้ว่าจะต้องแบ่งแยกอย่างไร กราบเรียนขอกุศโลบายในการทำแล้วไม่รู้สึกผิดค่ะ 02:36:28 ๑๒)ปกติจะปฏิบัติในรูปแบบเกือบทุกวัน โดยจะใช้กรรมฐาน คือ ดูลมหายใจเข้า-ออก แล้วก็มีสติรู้ตัวตลอดเวลา พอหลงก็จะรู้ แล้วจะสามารถรู้ตัวดึงกลับมาได้ พอนั่งทำกรรมฐานจนมีความรู้สึกว่า จิต สงบ ก็จะหัดดูจิต พิจารณาจิตว่า ขณะนี้จิตเราเป็นอย่างไร มันทุกข์ มันสุข มันมีความกังวล เรื่องอะไร บางทีมีเรื่องที่เรากังวลอยู่ มันจะแว้บเข้ามา ต่อมาเป็นเรื่องเป็นราวแต่เราก็จะมีสติรู้ทันว่าฟุ้งซ่านแล้วนะ ก็จะกลับไปพุทโธ หรือดูลมหายใจ เข้า ออก เหมือนกับที่เคยทำ แต่มีความรู้สึกว่าตรงดูจิต เหมือนว่า ทำมานาน แต่ ไม่พัฒนาไม่ก้าวหน้าไปกว่านี้ 02:39:08 ๑๓)ในการดูจิตบางครั้ง คือ สงสัยว่า ตอนนี้ คือ เราเห็น เรารู้สึก หรือ นี่เราคิดเอาเองหรือเปล่า 02:43:17 ๑๔)กราบเรียนขอคำแนะนำ การทำในชีวิตประจำวัน